เตรียมสั่งย้าย “15 ตำรวจทางหลวง” เอี่ยวส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก
จากกรณี “ส่วยสติกเกอร์รถท่องเที่ยว” ซึ่งใช้สำหรับติดเคลียร์ด่านให้กับรถบ้าน ที่นำมาวิ่งรับนักท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายจังหวัด โดยเฉพาะจุดรับนักท่องเที่ยวหลักอยู่ในเมืองพัทยา สัตหีบ และพื้นที่ใกล้เคียง จุดนี้ข้อมูลจากแหล่งข่าวบอกว่าจะมีด่านใหญ่อยู่ด้านหน้าโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง แถวหาดจอมเทียน และตำรวจที่ด่านนี้เป็นคนแนะนำให้เขาไปหา “สติกเกอร์” มาติด หลังจากที่ถูกจับไปแล้ว 3 ครั้ง ในความผิดฐานใช้รถผิดประเภท แต่หลังจากเอาสติกเกอร์มาติดก็ไม่เคยถูกจับอีกเลย
นอกจากนั้นในกลุ่มนี้ จะมีการแจ้งข้อมูลว่าสามารถเคลียร์เส้นทางไหนบ้าง เฉพาะที่เรารวบรวมมา ภาคตะวันออก ด่านตำรวจ และตำรวจท่องเที่ยว เกาะช้าง จ.ตราด ด่านสี่แยกเขาไร่ยา สภ.เมืองจันทบุรี ไปทางตะวันตก – ด่านตำรวจ ใกล้ตลาดน้ำดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ด่านบริเวณวัดเบญจมบพิตร สน.ดุสิต , กรุงเทพฯทุกพื้นที่ , ด่านในสนามบิน สภ.สุวรรณภูมิ จนถึง ด่านในพื้นที่ จ.อยุธยา ลงใต้ – ด่านจราจรเขาวัง จ.เพชรบุรี , ด่านบริเวณหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ , ด่าน สภ.ละแม จ.ชุมพร
ผู้สื่อข่าวในพื้นที่พยายามประสานไม่ที่ พ.ต.อ.วัฒนชัย แสงฤทธิ์ ผกก.สภ.นาจอมเทียน เพื่อขอสัมภาษณ์ เบื้องต้นผู้กำกับฯ ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ แต่บอกเพียงว่า “ไม่มีส่วนสติ๊กเกอร์แน่นอน” เท่านั้น
ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการ ปปป. ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง บอกว่า กรณีของ “ส่วยสติกเกอร์รถท่องเที่ยว” จากที่ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น เป็นลักษณะเดียวกับส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก คือมีคนกลางเข้ามาทำหน้าที่เป็นนายหน้า จัดทำสติกเกอร์แล้วเอาไปขายให้กับคนขับรถที่ทำผิดกฎหมาย ถ้าให้เทียบก็คล้ายกับบริษัทประกันคือดูแลทุกอย่าง เคลมให้ตั้งแต่ถูกจับจนถึงใบสั่ง
จ่อเรียก ตำรวจทางหลวง เอี่ยวส่วยสติกเกอร์ช่วยราชการ
จับตา! เรียกประชุมชุดสืบสวนสรุปข้อมูล คดีส่วยสติกเกอร์ คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
โดยพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยอมรับว่าต้องมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องแน่นอน ทั้งเรื่องการบอกพิกัดด่าน การรับคืนเงินใบสั่ง และผลประโยชน์ต่างๆ ลักษณะเดียวกับส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากชุดสืบสวนคดีส่วยทางหลวง ที่ตนแต่งตั้งขึ้นมา โดยใช้กำลังตำรวจสอบสวนกลางจากหลายหน่วยทั้งกองปราบ ตำรวจ ปปป. และตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ แต่ละคดีจะรวมไปในรายงานการสืบสวนเดียวกัน
ส่วนประเด็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่คนบอกว่า การทำงานครั้งนี้เป็นการให้ตำรวจ มาตรวจสอบตำรวจด้วยกันนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าอยากจะให้ประชาชนรอดูผลการตรวจสอบหลังจากนี้ มั่นใจว่าจะมีออกมาให้เห็น เช่นเดียวกับผลงานของ ปปป. ที่เคยทำคดีทุจริตของข้าราชการระดับสูงตั้งแต่ระดับอธิบดีมาแล้ว
อย่างไรก็ตามข้อมูลเบื้องต้นจาก พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าอาจจะมีตำรวจทางหลวงที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับประเด็นส่วยสติกเกอร์ไม่ใช่แค่ 5-6 นาย แต่อย่างน้อยในคำสั่งลอตแรกคือ 15 นาย โดยข้อมูลเพิ่มเติมจากชุดสืบสวนคดีส่วยทางหลวง มีรายงานเพิ่มเติมบอกว่าในวันที่ 8 มิถุนายน นี้ ซึ่งจะมีคำสั่งโยกย้าย ตำรวจทางหลวงลอตแรกจากคดีส่วยทางหลวงให้ขาดจากตำแหน่งเดิมเพื่อเปิดทางให้มีการสืบสวน โดยจะมีชื่อตำรวจอย่างน้อย 15 นาย ตั้งแต่ระดับชั้นประทวนถึงสัญญาบัตร ข้อมูลที่เราได้มา ณ ตอนนี้สูงสุดอยู่ที่ระดับผู้กำกับการ
ส่วนอีกประเด็นน่าสนใจ คือกรณี “ส่วยสติกเกอร์รูปกระต่ายสีฟ้า” 1 ใน 46 หลักฐานรายชื่อเจ้าของสติ๊กเกอร์ที่สมาพันธ์ขนส่งฯ เปิดเผย โดยระบุว่า ผู้ดูแลส่วยสติ๊กเกอร์รูปกระต่าย เป็นภรรยาของนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐมนายหนึ่ง มีรายงานการตรวจสอบจากชุดสืบส่วนคดีส่วยทางหลวง ระบุว่าเบื้องต้น พบหลักฐานเชื่อมโยงถึงภรรยานายตำรวจรายนี้ค่อนข้างชัดเจน โดยเป็นตัวกลางจัดหาสติกเกอร์ให้รถบรรทุกแบกน้ำหนักเอง
ส่วนใหญ่เป็นรถพืชผลทางการเกษตร เส้นทางอยู่ทั้งในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม โดยภรรยานายตำรวจรายนี้ เป็นคนเจรจากับทั้งผู้ประกอบการ และตำรวจเอง มีคำสั่งห้ามจับกระต่ายหรือจับสติกเกอร์กระต่าย และจะเป็นคนโทรศัพท์ไปด่าเอง ถ้ามีตำรวจฝ่าฝืนจับ